ประวัติ starbucks

ประวัติ starbucks

ประวัติ starbucks เห็นร้านสตาร์บัคส์เนืองแน่นแทบจะทุกสาขาแบบนี้ หลายคนอาจคิดว่าสตาร์บัคส์เป็นแบรนด์ที่ปูลาดด้วยกลีบกุหลาบ รุ่งเรืองเฟื่องฟูมาตั้งแต่ต้น แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะตั้งแต่ต้นทางแล้วที่สตาร์บัคส์ต้องต่อสู้ฟันฝ่าด้วยการทำงานในฐานะผู้บุกเบิกร้านกาแฟในอเมริกา ย้อนกลับไปในทศวรรษเจ็ดศูนย์ ยุคโน้นพูดได้ว่าคนอเมริกันยัง ‘ดื่มกาแฟไม่เป็น’ กาแฟที่คนอเมริกันนิยมดื่มกัน คือกาแฟแบบบางๆ ใสๆ ชงด้วยเครื่องแบบผ่านน้ำ ส่วนใหญ่ทิ้งกาแฟคาเอาไว้ในเครื่องตลอดทั้งวัน ความใสของกาแฟทำให้คนอเมริกันดื่มกาแฟกันได้ตลอดทั้งวัน ทั้งที่บ้านและที่ที่ทำงาน แต่สตาร์บัคส์ไม่ใช่กาแฟแบบนั้นเลย

ประวัติ starbucks มีที่มาอย่างไร

starbuck

ประวัติ starbucks ย้อนกลับไปในปี 1971 สตาร์บัคส์ร้านแรกเปิดตัวขึ้นในเมืองซีแอตเติลของสหรัฐอเมริกา หุ้นส่วนสามคนแรกเคยเรียนด้วยกันที่มหาวิทยาลัยแห่งซานฟรานซิสโก ทั้งสามคนเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ครูสอนประวัติศาสตร์ และนักเขียน พวกเขาเป็นคนหนุ่มที่เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาว่าอยากจะ ‘ทวนกระแส’ การดื่มกาแฟแบบใสๆ บางๆ ของคนอเมริกัน ด้วยการขายเมล็ดกาแฟคุณภาพดี รวมไปถึงเครื่องคั่วกาแฟที่ดีด้วย เรื่องน่าสนใจก็คือ เนื่องจากหุ้นส่วนคนหนึ่งเป็นนักเขียน เขาเลยคิดว่าคำที่ขึ้นต้นทำตัว s กับ t จนเป็น st นั้น จะให้เสียงที่แข็งแรง ดังนั้น แรกเริ่มเดิมที ชื่อของร้านขายเมล็ดกาแฟแห่งนี้จึงคือ Starbo อันเป็นชื่อของเมืองแห่งหนึ่งในแถบนั้น แล้วค่อยๆ กลายมาเป็น Starbucks ซึ่งก็ได้อิทธิพลมาจากหุ้นส่วนอีกคนที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ เพราะชื่อ Starbucks คือชื่อของหัวหน้าคนงานในวรรณกรรมคลาสสิกอย่าง โมบี้ดิ๊ก

ต่อมา ร้านขายเมล็ดกาแฟแห่งนี้ย้ายไปอยู่ในตลาดไพค์เพลสซึ่งเป็นตลาดขายอาหารทะเลและปลา โดยขายเฉพาะเมล็ดกาแฟอย่างเดียว ไม่ได้ขายกาแฟที่ชงเรียบร้อยแล้ว ประวัติศาสตร์ของสตาร์บัคส์อาจเป็นเช่นนั้นไปเรื่อยๆ ก็ได้ ถ้าหากว่าในทศวรรษถัดมาคือทศวรรษแปดศูนย์ รสนิยมในการดื่มกาแฟของคนอเมริกันจะไม่เปลี่ยนแปลงไป ปรากฏว่า ในทศวรรษใหม่นี้ ยอดขายกาแฟโดยรวมของอเมริกาที่เป็นกาแฟชงแบบใสๆ เบาๆ เริ่มตกลง แต่คนกลับหันมานิยมในกาแฟที่เรียกว่า Speciality Coffee หรือกาแฟที่มีคุณภาพดีมากขึ้นเรื่อยๆ สัดส่วนการตลาดของกาแฟแบบใหม่นี้เพิ่มจาก 3% ในปี 1983 มาเป็น 10% ในปี 1989

คนสำคัญผู้พลิกผันชะตากรรมของ Starbucks

เขาคือ โฮเวิร์ด ชูลทซ์ (Howard Schultz) ในความเป็นจริง Cholz เป็นพนักงานธรรมดา ที่ร้านค้าสตาร์บัคส์ในอดีตเขาเริ่มร่วมมือกับสตาร์บัคส์ในปี 2525 โดยการดูแลการตลาดและการค้าปลีก มันให้ Choltz เดินทางไปอิตาลี มิลานซึ่งดูดซับวัฒนธรรมกาแฟจากเมืองหลวงของเอสเพรสโซ่ดูเหมือนจะประทับใจมากกับวัฒนธรรมกาแฟอิตาลี Cholt เยี่ยมชมร้านกาแฟที่เรียกว่า Espresso Bar ของมิลาน นี่คือสถานที่ที่ควรรู้และศึกษาวัฒนธรรมกาแฟของมิลานให้มากที่สุด

ดังนั้นเมื่อกลับไปสู่รูปลักษณ์ที่ห่างไกลนายจ้างควรพึ่งพาร้านค้าสตาร์บัคส์ซึ่งเขาพูดกับนายจ้างของเขาเพื่อเปิดร้านค้าที่จริงจัง มันขายกาแฟเอสเพรสโซ่ซึ่งขายในวัฒนธรรมกาแฟอิตาลี แต่ปัญหาคือเครื่องกาแฟมีราคาแพงและชาวอเมริกันธรรมดายังไม่คุ้นเคยกับกาแฟใหม่นี้ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ทำ

เป็นผลให้ Chunz ตัดสินใจลาออก อย่างไรก็ตามการลาออกนี้ไม่สอดคล้องกันที่จะเปิดร้านกาแฟตามที่เขาต้องการ Starbucks ลงทุนในหุ้นกับ Cholts แต่ Non -Tex ต้องการลงทุนประมาณ $ 400,000 ดังนั้นเขาจึงต้องหานักลงทุนมากขึ้น เขาติดต่อนักลงทุน 242 คน มี 217 คนที่ปฏิเสธความคิดของพวกเขา

นี่แสดงให้เห็นว่าความคิดของคุณยากและมั่นใจมากแค่ไหน? โดยปกติแล้วหลายคนพบการลงทุนเท่านั้นที่หลายคนยอมแพ้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีคนหลายร้อยคนปฏิเสธหลายคนจะต้องพับโครงการตั้งแต่ต้น

แต่ชูลทซ์ไม่ สุดท้ายเขาก็หาเงินได้มากพอที่จะเปิดร้านกาแฟตามความเชื่อมั่นของตัวเองได้ ร้านนั้นชื่อ Il Giornale เป็นร้านกาแฟที่เปิดเพลงโอเปราในร้าน และสร้างวัฒนธรรมกาแฟแบบใหม่ขึ้นมาในซีแอตเติลในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน อีกสองปีต่อมา Il Giornale ก็ซื้อ Starbucks จากเจ้าของเดิมได้ในราคา 3.8 ล้านเหรียญฯ และเปลี่ยนชื่อ Il Gionarle มาเป็น Starbucks เต็มตัว พูดได้ว่า ประวัติศาสตร์ของสตาร์บัคส์เริ่มต้นตอนนั้นนั่นเอง

body-About-aBrand-Starbucks

ปีเดียวกันนั้น ชูลทซ์ก็ใช้กลยุทธ์การตลาดในแบบที่ไม่มีใครคิดถึง พูดง่ายๆ ก็คือ เขา ‘บ้า’ พอตัว เพราะเขาคิดถึงการเปิดร้านกาแฟขยายสาขาออกไปเรื่อยๆ เพื่อให้สตาร์บัคส์กลายเป็นศูนย์กลางของชุมชนคนอเมริกันในที่ต่างๆ เขาฝันว่าสตาร์บัคส์จะเป็นร้านกาแฟที่คนมานั่งรวมตัวกันในทุกๆ ที่ ทุกย่านของเมือง แบบเดียวกับที่เอสเพรสโซบาร์คือศูนย์รวมผู้คนของมิลาน

ความคิดนี้ของชูลทซ์ไม่ง่ายเลย เพราะมันแหวกแนวเกินไป ใช้เงินลงทุนมากเกินไป ไม่มีใครเชื่อว่าการขยายสาขาเปิดตัวออกไปเรื่อยๆ จะทำให้เขารักษาคุณภาพของร้านกาแฟเอาไว้ได้ หลายคนคิดว่า ชูลทซ์น่าจะอยากเปิดเป็นกิจการแบบแฟรนไชส์มากกว่า แต่เขาไม่เชื่อในระบบแฟรนไชส์ เขาคิดว่าสตาร์บัคส์จะต้องเป็นเจ้าของร้านสตาร์บัคส์ด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม การสร้างร้านกาแฟให้เป็น Social Hub หรือเป็นศูนย์กลางของชุมชนตามแนวคิดของชูลทซ์นั้น เมื่อมองย้อนกลับไป หลายคนวิเคราะห์ว่าความระห่ำนี้เป็นเหมือนตัวจุดประกาย ‘คลื่นลูกที่สอง’ ของวัฒนธรรมกาแฟในสหรัฐอเมริกาขึ้นมา

ตรงนี้มีเกร็ดเสริมเพิ่มเติมนอกเหนือจากสตาร์บัคส์ นั่นคือหลายคนอาจไม่รู้ว่า การจัดกาแฟให้เป็น ‘คลื่น’ ต่างๆ นั้น มีอยู่สามคลื่น คือเป็น first wave, second wave และ third wave โดยแนวคิดในการจัดเรื่องกาแฟให้เป็นคลื่นต่างๆ นี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากคลื่นของเฟมินิสม์สามคลื่น ที่เรียกว่า three waves of feminism นั่นเอง

กาแฟคลื่นลูกแรกก็คือกาแฟแบบที่คนอเมริกันดื่มกันก่อนหน้ายุคสตาร์บัคส์นั่นแหละครับ เป็นกาแฟแบบใสๆ บางๆ เรียกกันว่ากาแฟโดยไม่ได้รับรู้กันเลยว่า กาแฟมีถิ่นที่มาที่ไม่เหมือนกัน กาแฟจากภูมิภาคต่างๆ มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง คนแทบจะแยกไม่ออกว่ากาแฟที่ชงสดกับกาแฟสำเร็จรูปแตกต่างกันอย่างไร

ว่ากันว่า เป็นสตาร์บัคส์นี่แหละ ที่เข้ามาสร้างคลื่นลูกที่สองให้กับวงการกาแฟ ด้วยการเริ่มให้ข้อมูลกับลูกค้าว่ากาแฟแต่ละอย่างแตกต่างกันอย่างไร กาแฟจากโคลัมเบีย จากบราซิล จากสุมาตรา และที่อื่นๆ มีความต่างในรสชาติอย่างไร ที่สำคัญก็คือ นำเอาวัฒนธรรมกาแฟแบบอิตาลีเข้ามาใช้ด้วย ทำให้คนเริ่มคุ้นเคยกับกาแฟที่เป็น ‘เอสเพรสโซเบส’ ไม่ว่าจะเป็นเอสเพรสโซเอง คาปูชิโน ลาเต้ หรือกาแฟอื่นๆ

โลโก้สตาร์บัค ทำไม่ต้องเป็นนางเงือก

หลังจากคิดถึงชื่อพวกเขาเริ่มออกแบบโลโก้โดยการออกแบบกราฟิกของ Terry Hicker คนคนเดียวกันกำลังคิดว่าจะใช้ภาพใดเป็นโลโก้ที่ยอดเยี่ยม เขารวบรวมข้อมูล และมันก็ถูกผลักให้จับเรือโบราณด้วยแผ่นไม้ตกแต่งและมีตำนานกรีกโบราณไซเรนนางเงือกปลาและนกและลูกเรือเกลี้ยกล่อมกะลาสีเรือจนขนาดของเรือจ่ายมีสัญลักษณ์ ของนางเงือกตั้งชื่อไซเรนด้วยปีศาจด้วยเสียง 。

หลังจาก Terry Hatler มาดูเรื่องราวของการสร้างแบรนด์ถ้าเป็นเช่นนั้นเราจะเปลี่ยนเรื่องราวนี้เพื่อให้ดูเหมือนเรื่องราวเชิงบวก โดยการดึงดูดลูกค้าเพื่อดึงดูดลูกค้าและใช้เป็นสัญลักษณ์เพื่อไปดื่มกาแฟที่ร้านค้า

นี่คือเหตุผลทั้งหมดที่มีนางเงือกในโลโก้ Starback? และเมื่อคุณกลับไปที่โลโก้เวอร์ชันแรกคุณจะเห็นได้ว่านางเงือกมีด้านบนเปลือยเมื่อคุณกลับไปที่โลโก้เวอร์ชันแรก ดังนั้นผมของนางเงือกจึงถูกแก้ไขและหน้าอกถูกปิดแทนจากนั้นการออกแบบใหม่ได้รับการปรับปรุงให้ดูทันสมัย อย่างที่ฉันเห็นวันนี้มีความเรียบง่ายมากขึ้น

สูตรลับเมนู “ชาเขียว” ในตำนาน! ที่ต้องลองสักครั้งในชีวิต

เมนู สตาร์บัค 2022 อีกเหตุผลหนึ่งที่สตาร์บัคส์สามารถเอาชนะหัวใจของผู้คนทั่วโลก บางเมนูที่ยืดหยุ่นที่สุดคุณสามารถทำให้มันเป็นบาริสต้าแสนอร่อยเพื่อสร้างเมนูแสนอร่อยจากความคิดสร้างสรรค์ของคุณเอง! ความพิเศษนี้สร้างเมนูมากมายรวมถึง “Cotton Candy Frappuccino”, เมนูวานิลลาสีชมพูหวาน, “Twix Frappuccino”, เมนูคาราเมลหวานและ “Double Layer” รวมถึงเมนูในตำนานเช่น “Extra Green Thea Frappuccino และ Java Chip” วันนี้!

เมนูชาเขียวในตำนานบาริสต้ายูมี่และซัตเปลปิตูกุมาจากทักษะของโซเชียลมีเดียซึ่งแบ่งปันสูตรลับ “Greentea Frappuccino กับชิป Java” เพื่อเป็นเมนูโปรดสำหรับหลาย ๆ คน ใครก็ตามที่ลิ้มรสทุกอย่างอร่อยและความหวานของน้ำเชื่อมคาราเมลที่หลอมรวมอย่างสมบูรณ์เพราะทั้งความเข้มข้นของชา! วิธีการสั่งซื้อนั้นง่ายมาก! หลังจากจับภาพหน้าจอดังต่อไปนี้ติดต่อพนักงาน (ราคาเริ่มต้นด้วย 250 บาท)

ชาเขียว

บทความ

เมนู สตาร์บัค 2022

เมนู สตาร์บัค 2022

เมนู สตาร์บัค 2022 เป็นร้านกาแฟยอดนิยมที่ครองใจคนทั่วโลกมายาวนาน เนื่องจากอาหารและเครื่องดื่มของทางร้านมีมาตรฐานคงที่เทียบเท่ากันแทบทุกสาขา

อ่านเพิ่มเติม »